ย้อนคำทำนาย การตลาด Social Media ที่เขียนไว้เมื่อปี 2010 (2553)

ไปค้นเจอ email ฉบับหนึ่งเก่ามาก เกือบ 10 ปี  ที่เป็นต้นฉบับเรื่อง พลังการตลาด Social Media 2010 ซึ่งครูบอย ได้ทำนายไว้เมื่อปี 2010 โดยเขียนให้กับ บ. Infogination ที่มีผู้ประสานงานกับผมชื่อ น้อง Anshisa หรือ Twitter ชื่อ @maeyingzine

 

คำทำนายนี้เป็นจริงมั้ย ลองอ่านกันดูครับ

คำทำนาย การตลาด Social Media ปี 2010
email ส่งบทความ ให้ Infogination

พลังการตลาด Social Media 2010

ปีที่แล้ว Social Media ได้กลายเป็นพระเอกในโลกออนไลน์ ใคร ๆ ก็พูดถึง  Twitter ใครๆก็รู้จัก hi5 แต่สน Facebook มากกว่า และจากนี้เป็นต้นไป Social Media จะเข้ามามีบทบาทบนโลกดิจิตอลมากขึ้น

2009 ประสานพลัง Facebook & Twitter

ใครจะไปคิดว่าเว็บไซต์เล็กๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อนักศึกษามหาวิทยาลัย ต่อมาจะมีคนเข้าเป็นสมาชิก 100 ล้านคนภายในเวลาไม่ถึง 9 เดือน หรือ 80% ของบริษัทต่างชาติใช้ Linkedin ในการหาพนักงาน หรือ Twitter กลายเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ทำให้ โอบลามา กลายเป็นประธาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐ หรือแม้แต่นายกอภิสิทธิ์ และอดีตนายกทักษิณ  ก็ใช้ Twitter เพื่อสื่อสารกับคนไทยเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง และทีทำให้คนไทยดีใจที่สุด ที่ Hashtags #weloveking เป็น Topic Trend  ที่คนเอ่ยถึงมากที่สุดบน Twitter ในวันที่ 5 ธค. ปีที่แล้ว ถึงวันนี้ Social Media มีพลังขนาดไหน คงไม่ต้องบอกกัน


แนวโน้ม Social Media 2010

ในปี 2010 นี้ นักการตลาดออนไลน์ทั้งไทยและเทศมองกันว่าบริษัทต่างๆ จะนำ Social Network มากขึ้น Social Network จะปรับเปลี่ยนรูปแบบ ผู้เขียนจึงขอรวบรวมแนวโน้มของ Social Media ที่น่าจะได้เห็น.ปี 2010 มาให้ดู

1. มือถือประเภท Smart Phone , Touch Phone เป็นพระเอกที่นำกลุ่มเป้าหมายเข้าไปสู่เว็บไซต์แบบ Social Network ต่างๆ  

จะเห็นได้ว่าปลายปีที่แล้วมี โทรศัพท์มือถือที่ติดตั้งแอพพลิเคชั่น Facebook หรือ Twitter ทะยอยออกมาให้เราเห็นอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ มือถือที่ไม่มีแอพฯเหล่านั้น จะตกเทรนด์ไปโดยปริยาย เพราะมันจะกลายเป็นปัจจัยในการตัดสินใจซื้อมือถือของลุกค้าไปโดยปริยาย

2. จะเป็นจุดเริ่มต้นของ การเชื่อมต่อของ Augmented reality + Search + Social Media 

ซึ่งน่าจะเป็นปีแรกที่ได้เห็นภาพของเทคโนโลยี Augmented Reality ได้ชัดขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะทำให้คุณสืบค้นหรือสื่อสารข้อมูลที่ต้องการได้ทุกที่ เช่น คุณอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ที่ไม่รู้จัก เพียงแต่คุณมีเครื่องมือที่สามารถถ่ายภาพได้จากนั้นส่งข้อมูลไปยังผู้ให้บริการ Augmented reality ระบบของผู้บริการนั้นจะส่งข้อมูลของสถานที่นั้นกลับมาให้คุณภายในเวลาไม่นานและคุณส่งทำการ ปัน เรื่องราวและภาพของสถานที่นั้นได้ทันทีผ่าน Social Network Website ที่คุณเป็นสมาชิกอยู่ได้ทันทีทันใด

3. การนำ Location Based Service มาใช้กับ Social Media

มากขึ้นที่เห็นได้ชัดคือการที่ Twitter เข้าซื้อกิจการ Mixer labs ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาแอปปลิเคชั่นด้านภูมิศาสตร์หรือ Geo-awareness Application นั่นเอง หรือ foursquare ที่ทำให้คุณได้สนุกกับแนะนำสถานที่ใหม่ๆ และทำการ Tweet  ให้เพื่อนๆ ใน Facebook และ Twitter ได้รู้จัก หรือ ใช้ Layar (www.layar.com) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำ Location Based Service และ Augmented Reality มาใช้ ทำให้คุณได้รู้ข้อมูลสถานที่รอบตัวคุณผ่าน มือถืออย่าง iphone หรือ android

4.  Facebook จะกลายเป็นศูนย์กลางของ Social Networking Service ต่างๆ

ซึ่ง Social Network Site ใหม่จะต้องเชื่อมต่อกับ Facebook ได้

5. มี เว็บประเภท Social Networking เฉพาะกลุ่มมากขึ้น (Niche)

แม้ว่าในปี 2009 เราจะได้เห็นบ้างแล้วเช่น goodreads .com ซึ่งเป็น Social network สำหรับคนรักการอ่าน หรือ tripsay Social network สำหรับคนรักการท่องเที่ยว ฯลฯ

6.  จะเกิดการทำการตลาดที่ใช้ทั้ง Social Media

ประสานกับการทำการตลาดแบบ Offline เพื่อสร้าง Viral มากขึ้น

7.  บริษํทต่างๆ ให้น้ำหนักมากขึ้นในการนำ Social Media

มาใช้ในการทำการตลาด มากขึ้น และนั่นหมายความว่า เม็ดเงินอันเกิดจากการทำโฆษณาผ่าน Social Media ก็ย่อมมากขึ้นอีกด้วย

8.  ผู้หญิงจะครองโลกของ Social Media

เพราะเป็นช่องทางที่จะแสดงตัวตนและสิทธืเสรีภาพได้มากกว่าโลกแห่งความเป็นจริง

มองกลยุทธ์การตลาด Social Media

ในปี 2010 ธุรกิจต่าง ๆ ที่ต้องการสร้างเครือข่าย หรือหาแฟนพันธ์แท้ของตัวเองคงต้องเข้ามาอยู่ใน สนาม Social Media เหมือนกับ ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว ที่บริษัทไหนไม่มีเว็บไซต์ ก็เรียกว่าล้าสมัย และเมื่อคนใหญ่ส่วนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Social Network สิ่งที่ตัดสินว่าใครจะอยู่จะไปอยู่ที่ กลยุทธ์ใช้ Social Media แล้วได้ผลกลับมาตามที่ต้องการ ซึ่งผลลัพท์ที่แต่ละองค์กรนั้นไม่เหมือนกัน  ดังนั้น การวางกลยุทธ์ Social Media นั้นเพื่อให้ได้ผลที่ต้องการนั้นจะต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้

1. เป้าหมาย

อะไรคือ เป้าหมายที่คุณต้องการในการตลาดผ่าน Social Network บางองค์กรอาจต้องการเพียงใช้เป็นเครื่องมือรับฟังความคิดเห็นของผู้บริโภค บางองค์กรอาจต้องการเพียงทำให้ลูกค้ากลุ่มใหม่รู้จัก หรือ เพียงแต่นำไปสู่การบอกต่อหรือทำ Viral แต่สิ่งที่ขอติงไว้คือ การเข้ามาอยู่ใน Social Network ไม่ได้ทำให้คุณได้ยอดขายในทันที หรืออาจไม่ได้เลยก็ได้ และ องค์กรใดที่ยังใช้ Social Network หรือ Social Media ไปในเชิงส่งข่าว ย่อมยากที่จะเข้าถึงผู้ที่อยู่ใน Social Network ที่

2. คุณค่า คุณค่า และคุณค่า

สร้างคุณค่าที่เห็นได้ชัดและแตกต่างจากคนอื่น เช่นหากคู่แข่งของคุณทำ Fanpage แบบทั่วไป มี Wall ให้เข้าไปเม้นท์ ทำไมคุณก็จะไม่ทำ Landing Page ของ Facebook ให้เป็น เกมส์มันส์ๆๆ ซะ หรือไม่ก็ Content ที่หาไม่ได้จากที่อื่น แล้วให้ Friend ของคุณทำการ Republished หรือ Retweet ก็ได้ ฯลฯ

3.  เชื่อมต่อ

ไม่ว่าคุณจะทำแคมเปญอะไรก็ตาม สิ่งที่ลืมไม่ได้คือการเชื่อมต่อไปยัง Social Network เป้าหมาย ซึ่งแน่นอนว่า Facebook ต้องเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ และ Twitter ก็น่าจะเป็นข่องทาง PR ของคุณได้

4.  ปฏิสัมพันธ์

มนุษย์ต้องมีการปฏิสัมพันธ์ตลอดเวลา  Social Network ก็เช่นกัน การสร้าง Twitter โดยไม่เคยพูดคุยกับ Followers ของคุณเลย ทำให้ Twitter ของคุณเป็นเพียงหุ่นยนต์ตัวอักษร หรือ การสร้าง Profile ใน Facebook แล้วจบก็เหมือนการสร้างเว็บไซต์แล้วไม่โปรโมท การเข้าไปทำความรู้จัก หรือ ขอทำความรู้จักลูกค้าเป้าหมาย เป็นเพื่อนคู่คิด มีสิ่งดีๆ เล่าให้เขาฟัง อย่างจริงใจ นั่นทำให้องค์กรหรือ ผลิตภัณฑ์ของคุณมีตัวตนมากขึ้น

5.  กลยุทธ์สื่อผสม Social Network ไม่ใช่คำตอบเดียวในการทำการตลาด

และเว็บ Social Network ก็ไม่ได้มีเพียง Facebook หรือ twitter.  เพราะ กลุ่มเป้าหมายของคุณอาจจะไม่อยู่ใน Social Network ก็เป็นได้ เขาเหล่านั้นอาจจะอยู่ใน Webboard หรือ Forum ทั่วไป หรือไม่ก็ เข้าไปใช้งาน internet เพื่ออ่านข่าวในเว็บไซต์หนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าว เท่านั้น ดังนั้น การวางสื่อก็ควรจะไปในทิศทางที่ตรงกลุ่มเป้าหมายที่สุด

6. กำลังคนที่พอเพียง

ใช่ครับ ผมพูดถึงกำลังคน เพราะ Social Media ก็คือ Touch Point จุดหนึ่งเช่นเดียวกับ Call Center หรือ Email แต่การตอบสนองแบบ ฉับไว แก้ปัญหาให้สมาชิกในชุมชนของคุณก็ทำให้ สมาชิก หรือแฟนพันธุ์แท้ของคุณ นั่นหมายความว่า คนของคุณต้องพร้อมกับการตอบสนองคำติชม ที่ผ่านทาง Social Media

7. KPI

อะไรคือ ตัววัดความสำเร็จในการทำการตลาดผ่าน Social media  ในหนังสือของ David Meerman Scott ที่ชื่อว่า World Wide Rave ได้กล่าวถึง KPI ว่าให้ลืมตัวเลข Leadsที่จะนำไปสู่ลูกค้าซะ แล้วหันมาวัดกันว่า คุณทำให้คนเพียง 6 – 7 คนช่วยกระจายเรื่องดีๆของผลิตภัณฑ์ของคุณไม่ดีกว่าด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าสื่อเก่าจะไม่ดีกว่าหรือ !

ผู้เขียนหวังว่าในปี 2010 ทุกท่านจะนำ Social Media มาใช้ให้ได้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและทำให้ลูกค้าท่านพอใจนะครับ

ผู้เขียน – สมเกียรติ ลิลิตประพันธ์ (บอย หรือ บีบี)

Website : www.maximumboy.com  (หมายเหตุ : เว็บเก่าก่อนเปลี่ยนมาเป็น www.kruboydigital.com )
Contributor – www.marketingoops.com (หมายเหตุ : ตอนนี้ไม่ได้เขียนให้นานแล้ว )
Twitter :  @maximumboy  (หมายเหตุ : Twitter เก่า ก่อนเปลี่ยนมาเป็น @kruboydigital )
Profile เพิ่มเติม :  www.maximumboy.com/about/

—————————— จบ ต้นฉบับ ———————–

เป็นอย่างไรบ้างครับ คำทำนายนี้ ตรงกับ การตลาดบน Internet ในปัจจุบันมั้ยครับ

^ ^

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *