คาด 1-2 ปีตลาดเคเบิลใยแก้วหมื่นล้าน

ปี 49 อินเตอร์ลิ้งค์ตั้งเป้าเพิ่มยอดขาย 25% เผยอีก1-2 ปีข้างหน้าความต้องการเคเบิลใยแก้วไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท เริ่มจาก”ถนนไอที” หรือการสร้างโครงข่ายไอทีด้วยเคเบิลใยแก้วของภาครัฐที่จะมีมูลค่ากว่า 5 พันล้านบาทที่คาดว่าจะเปิดตัวในเร็ววันนี้ และโครงการอื่นที่จะตามมาก อินเตอร์ลิ้งค์ตั้งเป้าผู้นำด้วยส่วนแบ่งในตลาดกว่า 50%

นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสายสัญญานคอมพิวเตอร์และสื่อสารโทรคมนาคม กล่าวว่ารุกตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน เป็นแนวทางการทำธุรกิจที่อินเตอร์ลิงค์ จะทำในปี 2549

ธุรกิจเคเบิ้ลลิงค์มีโอกาสเติบโตอย่างมากในปี49 เห็นได้จากนโยบายของภาครัฐที่ต้องการให้ใช้ไฟเบอร์ออฟติกหรือเคเบิลใยแก้วเชื่อมโยงกันทั่วประเทศ โดยคาดว่าภายในปี49 หรือปีถัดไปจะเห็นมีการลงทุนข่ายสายไฟเบอร์ออฟติกไม่ต่ำกว่า 1หมื่นล้านบาท บวกกับความนิยมของการสื่อสารข้อมูลที่รวดเร็วและทันสมัยไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียง และข้อมูลไปพร้อมกัน นอกส่งผลให้ความต้องการใช้งานเคเบิลใยแก้วจะมีมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้คาดว่าเคเบิลใยแก้วจากต่างประเทศจะได้รับความนิยมมากว่า อันเนื่องจากมีราคาถูกกว่าที่ผลิตในประเทศประมาณ 20-100%

ปี 2548 อินเตอร์ลิ้งค์มียอดขาย 800 ล้านบาท คาดว่าในปี 49 จะมียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 25% โดยคาดว่าตลาดรวมเคเบิ้ลลิงค์จะมีการขยายตัวประมาณ 15% จากการประมาณการตลาดรวมเคเบิ้ลลิงค์ล่าสุดมีการประมาณการว่าตลาดรวมอยู่ที่ 2,000-3,000 ล้านบาท โดยเคเบิ้ลลิงค์เป็นส่วนหนึ่งของตลาดเน็ตเวิร์กกิ้งซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

ในปี 48ที่ผ่านมา อินเตอร์ลิ้งค์มีผลงานติดตั้งระบบสายสื่อสารของสนามบินสุวรรณภูมิมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีโครงการของบริษัท ทีโอที ในการติดตั้งสายโทรศัพท์สำหรับให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ ติดตั้งระบบให้บริษัท การบินไทย มูลค่า 20 ล้านบาทติดตั้งระบบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต มูลค่า 90 ล้านบาท

ในปี 2549 อินเตอร์ลิ้งค์ ตั้งเป้าแชร์ในตลาดเคเบิ้ลลิงค์ให้มากกว่า 50% โดยมีโครงการที่รอการติดตั้งและรอผลประมูลติดตั้งสายเคเบิลใยแก้วให้การไฟฟ้านครหลวงวงเงิน 123 ล้านบาท ที่คาดว่าจะเซ็นสัญญาเร็วๆนี้ และโครงการที่อยู่ในระหว่างรอผลการประมูลอีกมูลค่า 1,500 ล้านบาทคือที่บริษัท ทีโอที, บริษัท กสท โทรคมนาคม, การไฟฟ้าภูมิภาคมูลค่าประมาณ 900 ล้านบาท,ไฟฟ้านครหลวง, การไฟฟ้าฝ่ายผลิต,สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มประมาณปี 50 , ทรู ,ดีแทค

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ในแผนงานมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยโครงการของภาครัฐในการวางข่ายสายเคเบิลใยแก้วเสมือนเป็นถนนไอทีของประเทศไทยมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการวางเคเบิลใยแก้วใหม่หมดทั่วประเทศ ซึ่งหากภาครัฐลงทุนในส่วนนี้เร็วก็จะสามารถเปิดให้เอกชนเข้ามาใช้บริการได้ และโครงการอื่นๆอีกเช่นโครงการของไปรณีย์ไทย , ออเร้นจ์ และฮัทช์ ฯลฯ โดยอินเตอร์ลิ้งค์คาดว่าหากมีการเปิดโครงการเหล่านี้ขึ้นทางบริษัทก็จะเป็นผู้ชนะการประมูลทั้งหมด

ผู้บริหารอินเตอร์ลิ้งค์ กล่าวว่า ในปี 49 บริษัทมีแผนรุกตลาดภูมิภาคมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการต่อยอดการเปิดสาขาที่เชียงใหม่เป็นสาขาแรกเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สาขาที่จะเปิดใหม่ที่หาดใหญ่ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนมีนาคม 49 นี้ และจะทยอยเปิดสาขาเพิ่มที่ขอนแก่น และระยอง ส่วนธุรกิจต่างประเทศมีแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายแล้วที่ ลาวและกัมพูชา

“ตลาดต่างประเทศเรามองเป็นการสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ เมื่อ 2 ประเทศแรกที่เปิดตลาดลงตัวแล้วจะขยายต่อไปเวียดนามซึ่งเป็นตลาดที่น่าจับตามองในเรื่องการพัฒนาด้านไอที”

เขากล่าวตอนท้ายว่า กระแสการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างไว-แม็กซ์ หรือ การส่งสัญญาณผ่านดาวเทียม ไม่น่าจะมองว่าเป็นคู่แข่งกับเคเบิลใยแก้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นการส่งสัญญาฯลักษณะไหนปลายทางก็ต้องมีการต่อเชื่อมกับเคเบิลใยแก้วอยู่ดี

 

Updated 16 ม.ค. 2549 – โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 มกราคม 2549 10:58 น.

******

เรื่องเก่าจากเว็บไซต์ของครูบอย – thinkandclick dot com (ย้อนดู ต้นฉบับ >  https://web.archive.org/web/20081121080352/http://www.thinkandclick.com/news/fiber-optics.php )

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *